เทคนิคง่ายๆ ในการดูแลรูปร่าง

วันนี้เรามีเทคนิคง่ายๆ ในการดูแลรูปร่างให้ได้ผลอย่างง่ายๆ มานำเสนอค่ะ

1. ไม่ควรกินขนมหรือของหวานในมื้อเที่ยงและมื้อเย็น และไม่ควรกินอาหารหลัง 6 โมงเย็น

2. ดูแลรูปร่างด้วย น้ำ ดื่มน้ำ 2 แก้วก่อนกินอาหารแต่ละมื้อ จะทำให้คุณกินอาหารได้น้อยลง
และควรดื่มน้ำเปล่าเรื่อยๆ ในระหว่างวัน
3. หมั่นชั่งน้ำหนักเพื่อสำรวจดูว่า น้ำหนักขึ้นหรือลด
เพื่อติดตามผลการดูแลรูปร่างของคุณ
4. ก่อนกินอาหารประมาณครึ่งชั่วโมง ให้กินอาหารเสริมจำพวกไฟเบอร์ จะทำให้หิวน้อยลง

5. กินอาหารในจานเล็กลง เพื่อลดปริมาณอาหารในแต่ละมื้อ
และดูแลรูปร่างได้ง่ายขึ้น
6. ค่อยๆ ลดปริมาณอาหารลงทีละนิดละหน่อย เพื่อให้ร่างกายได้มีเวลาปรับตัว
สำหรับโปรแกรมดูแลรูปร่าง
7. เวลาดูโทรทัศน์ หากติดนิสัยชอบกินจุบกินจิบ ให้เตรียมผัก,ผลไม้สด หรือน้ำผัก, น้ำผลไม้สดไว้เสมอ

8. อย่าวางขนมหวานไว้ใกล้มือ และควรกำจัดอาหารที่ทำให้อ้วน เช่น น้ำอัดลม ชอกโกแลต และหาผักผลไม้มาวางแทน

9. ลงจากรถเมล์ก่อนถึงที่หมายซักป้ายนึง จะได้เดินออกกำลังไปในตัว
(ดูแลรูปร่างด้วยการเดินเผาผลาญพลังงาน)
10. ใช้บันไดแทนลิฟท์ ถ้าขึ้นลงไม่กี่ชั้น

11. ปรุงอาหารโดยไม่ใช้น้ำมัน เช่น นึ่ง ย่าง ต้ม
(ดูแลรูปร่างด้วยการเลือกอาหาร)
12. เวลาออกไปกินอาหารนอกบ้าน ให้ใส่กระโปรง หรือกางเกงคับๆ จะได้กินได้น้อยลง

13. การที่เราไม่ค่อยหิวในช่วงตื่นนอนใหม่ๆ เป็นเรื่องปกติ ลองตื่นแต่เช้า ออกกำลังกายยืดเส้นยืดสาย แล้วค่อยมาอาบน้ำ กินอาหารเช้าเบาๆ การกินอาหารมื้อเช้า จะทำให้กระปรี้กระเปร่า และไม่รู้สึกหิวมากในมื้อเที่ยง

14. พยายามตั้งเป้าหมายในการดูแลรูปร่างที่เป็นจริงได้และชัดเจน เพราะถ้าตั้งเป้าหมายสูงเกินไป อาจท้อใจ และล้มเลิกได้ง่ายๆ เช่น อาจตั้งเป้าที่จะลดน้ำหนักให้ได้ 1 ก.ก. ในหนึ่งสัปดาห์

15. กินอาหารให้ตรงเวลา จะได้ไม่หิวมากระหว่างมื้ออาหาร และลดการกินจุบกินจิบลง ทำให้ดูแลรูปร่างได้ง่ายขึ้น


คำถามน่ารู้เกี่ยวกับการดูแลรูปร่าง


1. อดอาหารเช้า ทำให้อ้วนจริงหรือ


จริง เมื่อตื่นตอนเช้า ในตับเราจะเหลือน้ำตาลแค่ประมาณ 200 กรัม และอีก 200 กรัมในกล้ามเนื้อ ถ้าเราไม่กินอะไรเลย พลังงานที่ร่างกายใช้ตลอดในช่วงเช้า จะได้มาจากการเผาผลาญน้ำตาลส่วนนี้ พอประมาณ 11.00 น. พลังงานที่เก็บสะสมไว้ก็จะหมดลง เราจะเริ่มรู้สึกอ่อนล้า หมดเรี่ยวแรง ร่างกายก็จะไปดึงพลังงานสะสมในกล้ามเนื้อมาใช้ ทำให้ร่างกายต้องการพลังงานมาชดเชยส่วนที่เสียไป


2. เรายังต้องใช้พลังงาน ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ทำอะไรเลย


จริง 70% ของอาหารที่เรากินจะถูกเปลี่ยนไปเป็นพลังงาน เพื่อนำมาใช้ในกิจกรรมต่างๆ ของร่างกาย รวมทั้งให้ความอบอุ่น แค่กระดิกนิ้ว หรือกระพริบตา เราก็ต้องใช้พลังงาน ซึ่งเป็นกระบวนการที่เราเรียกว่า เมตาบอลิซึม


3. คนส่วนใหญ่มักจะกลับมาอ้วนอีก หลังจากลดน้ำหนัก


จริง เนื่องจาก คนส่วนใหญ่มักจะกลับมามีนิสัยในการกินอาหารเหมือนเดิมหลังลดน้ำหนัก หรืออาจกินมากขึ้นด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้น สิ่งสำคัญคือต้องเปลี่ยนนิสัยในการกินอาหารในระยะยาว เช่น หัดกินผักผลไม้แทนของหวาน


4. การดูแลรูปร่างด้วยการออกกำลังกาย ทำให้น้ำหนักลดจริงหรือ


ไม่เสมอไป ร่างกายจะเริ่มเผาผลาญไขมัน หลังจากที่เราออกกำลังกายอย่างหนักอย่างน้อย 45 นาที จากการคำนวณพบว่าต้องเดิน 96 ชั่วโมง 37 นาที ด้วยความเร็ว 5 กม.ต่อชม. เพื่อที่จะกำจัดไขมันเพียง 1 ก.ก. ยิ่งกว่านั้น ยิ่งออกกำลังกายมาก ก็จะหิวมากขึ้นด้วย เพราะร่างกายต้องการพลังงานมาทดแทนส่วนที่ใช้ไปในระหว่างการออกกำลัง เรารู้กันดีว่า คนที่ไม่ดูแลรูปร่างและไม่ออกกำลังกายนั้นจะอ้วนได้ง่าย การออกกำลังกายในระดับปกติและปานกลางเป็นสิ่งจำเป็นในการลดน้ำหนัก และการดูแลรูปร่าง เพราะจะช่วยให้ร่างกายสมส่วนมากขึ้น ช่วยให้กล้ามเนื้อแข็งแรง เพิ่มขนาดกล้ามเนื้อ และช่วยให้เผาผลาญแคลอรี่ได้ดีขึ้น และช่วยขจัดพลังงานส่วนเกิน


5. ปลา มีไขมันน้อยกว่าเนื้อ


ไม่เสมอไป เพราะปลาบางชนิด เช่น ปลาแมคเคอเรล ปลาซาร์ดีน มีไขมันมากกว่าเนื้อวัว หรือเนื้อไก่เสียอีก และปลาแซลมอน ที่เป็นปลาเลี้ยงนั้น มีไขมันอิ่มตัวพอๆ กับสเต็กเลยเชียว


6. ระหว่างดูแลรูปร่างด้วยการควบคุมน้ำหนัก จำเป็นต้องกินอาหารเสริมจริงหรือ


จริง เพราะระหว่างการดูแลรูปร่างด้วยวิธีควบคุมอาหาร อาจทำให้ร่างกายได้รับวิตามิน และแร่ธาตุไม่เพียงพอ จึงต้องกินอาหารเสริม


7. กินอาหารไม่ใส่เกลือ จะทำให้ผอม
ลง

ผิด เพราะสิ่งที่ร่างกายขจัดออกมาพร้อมๆ กับเกลือ คือ "น้ำ" ไม่ใช่ "ไขมัน" จึงไม่มีควรเลิกกินเกลือ แต่ต้องไม่กินมากเกินไป เพราะจะทำให้ขาดน้ำได้ เพราะร่างกายต้องขับเกลือทางปัสสาวะ


8. นมพร่องมันเนยมีแคลเซียมน้อยกว่านมปกติ


ผิด ในกระบวนการขจัดไขมันออกจากนมนั้น แคลเซียมไม่ได้สลายไปด้วย แต่ที่อาจสูญเสียไปคือ วิตามินเอและดี ซึ่งจะทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมแคลเซียมไปใช้ได้น้อยลง


การดูแลรูปร่าง โดย fit-and-firm.blogspot.com

0 comments